SWOT โรงเรียนธรรมราชศึกษา
วิสัยทัศน์
“นักเรียนเป็นผู้มีคุณธรรมนำความรู้มีความคิดสร้างสรรค์ก้าวทันสังคมโลกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมพร้อมสืบสานวัฒนธรรมและร่วมนำพัฒนาชุมชน ดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข เป็นสถานที่เอื้อต่อการจัดการศึกษา พัฒนาระบบการบริหาร ครูมีทักษะการจัดกระบวนการเรียนรู้ มีจรรยาบรรณและยึดมั่นในวิชาชีพอย่างแท้จริง”
วัตถุประสงค์
เพื่อให้โรงเรียนธรรมราชศึกษา มีมาตรฐานในการบริหารงาน สามารถผลิตบุคลากรที่มีคุณธรรม มีความรู้ความสามารถ เป็นบุคคลที่มีคุณค่า รับผิดชอบต่อสังคม จึงได้กำหนดวัตถุประสงค์ในการพัฒนาดังนี้
1. มุ่งให้ผู้เรียนมีบุคลิกเป็นผู้นำที่มีคุณธรรม สังคมยกย่องและให้การยอมรับ มีทักษะในการเรียนรู้ด้านวิชาการ สามารถสื่อสารทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ รับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน มีความสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมพร้อมสืบสานวัฒนธรรม รู้จักดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่า มีสุขภาพที่ดี ปลอดจากอบายมุขและสิ่งเสพติด
2. มุ่งพัฒนาระบบและบุคลากรฝ่ายบริหารให้เป็นระดับมืออาชีพ ให้บริการความรู้ การจัดสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการปลูกฝังคุณลักษณะที่พึงประสงค์แก่ผู้เรียน
3. มุ่งให้ครูได้รับการพัฒนาความสามารถอย่างต่อเนื่อง มีความมั่นคงในอาชีพ และ
สามารถดำรงไว้ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ และเป็นบุคคลตัวอย่างด้านคุณธรรมได้
พันธกิจ
เพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ จึงได้กำหนดภาระหน้าที่ของโรงเรียนธรรมราชศึกษา ดังนี้
พันธกิจที่ 1 พัฒนาและสนับสนุนผู้เรียนทั้งโดยตรงและโดยอ้อมให้มีคุณธรรมและความรู้ด้าน
วิชาการ
พันธกิจที่ 2 พัฒนาการบริหารจัดการด้านบุคลากรและสถานศึกษาให้มีคุณภาพอย่างเป็นระบบ
และต่อเนื่อง
สารและขอบข่ายของพันธกิจ
พันธกิจที่ 1 พัฒนาและสนับสนุนผู้เรียนทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ให้มีคุณธรรมและความรู้ด้าน
วิชาการ
ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้ให้ความสำคัญต่อผู้เรียนอย่างมาก ได้กำหนดไว้ว่า การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ
การพัฒนาและสนับสนุนนักเรียนโรงเรียนธรรมราชศึกษา มีปัจจัยที่เอื้อต่อการดำเนินงานหลายประการ กล่าว คือ โรงเรียนตั้งอยู่ในวัดที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ มีผู้บริหารระดับสูง และครูเป็นพระภิกษุในพระพุทธ ศาสนา มีความรู้ความสามารถในการแนะนำอบรมคุณธรรม นำนักเรียนลงสู่ภาคปฏิบัติในสถานการณ์จริง ประกอบกับนักเรียนส่วนส่วนมาเป็นนักเรียนบรรพชิตสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตนเป็นคนดีของสังคมให้กับนักเรียนฝ่ายคฤหัสถ์ รัฐให้การอุดหนุนรายหัวแก่โรงเรียน โดยนักเรียนไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการเรียนและค่าอื่น ๆ เป็นการเรียนฟรี โรงเรียนเปิดโอกาสให้มีหลักสูตรหลากหลาย ให้ผู้เรียนได้เลือกเรียนตามความสนใจ มีเทคโนโลยีทันสมัย มีความพร้อม ความสามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีความสมบูรณ์ ด้วยความใส่ใจในหน้าที่ เมื่อมีการทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน พบว่า ผู้เรียนในโรงเรียนธรรมราชศึกษาทั้งระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละเป็นที่พอใจในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ดี การดำเนินงานพัฒนาและสนับสนุนผู้เรียนในปัจจุบันมีข้อจำกัดบางประการ ทั้งในด้านกระบวนการบริหาร บุคลากร งบประมาณและการกำกับติดตาม กล่าวคือ สภาพสังคมปัจจุบันที่มีการส่งเสริมบริโภคด้านวัตถุนิยม เป็นสังคมที่ฟุ้งเฟ้อ ทำให้ผู้เรียนเห็นความสำคัญในด้านวัตถุมากกว่า ไม่เห็นความสำคัญด้านคุณธรรมจริยธรรม สังคมสิ่งแวดล้อมภายนอกโรงเรียนมีอิทธิพลต่อความคิดของผู้เรียนมากว่าสังคมในโรงเรียน อีก ประการหนึ่ง ขาดการติดตามและรายงาน ครูขาดทักษะวิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การจัดกิจกรรมนักเรียนยังไม่ทั่วถึง งบประมาณสนับสนุนมีจำกัด
ในการส่งเสริมสนับสนุนให้โรงเรียนสามารถพัฒนาและสนับสนุนผู้เรียนทั้งโดยตรงและโดยอ้อมให้มีคุณธรรมและความรู้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้สามารถดำเนินงานตามพันธกิจได้ จึงได้วิเคราะห์สถานการณ์เพื่อหาโอกาส อุปสรรค และจุดอ่อน จุดแข็งของโรงเรียนตามพันธกิจ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์สำหรับพัฒนาและดำเนินงาน ดังนี้
แผนภูมิที่ 1 การวิเคราะห์สถานการณ์บนพันธกิจที่ 1 พัฒนาและสนับสนุนผู้เรียนทั้งโดยตรงและโดยอ้อมให้มีคุณธรรมและความรู้ด้านวิชาการ
SWOT
ภายใน(จุดอ่อน)
1. ต้องพัฒนาบุคลากรให้เป็นมืออาชีพด้านบริหารและด้านกิจการนักเรียน
2. วิธีการสอนต้องมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญให้มากยิ่งขึ้น
3. ต้องให้บริการสื่อ อุปกรณ์และเทคโนโลยี อย่างทั่วถึง
4. บุคลากรทุกคนต้องใช้สื่ออุปกรณ์และเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพเกิดประสิทธิ ผลอย่างแท้จริง
5. จะต้องจัดกิจกรรมนักเรียนให้ได้อย่างทั่วถึง
6. ต้องเพิ่มห้องปฏิบัติการต่าง ๆ อย่างเพียงพอ
ภายนอก (อุปสรรค)
1. หน่วยงานของรัฐไม่ปฏิบัติตามนโยบายอย่างแท้จริงเปลี่ยนแปลงนโยบายบ่อย
2. ผู้เรียนส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่ยากจนและมีปัญหาด้านพฤติกรรม
3. ผู้ปกครองมีรายได้ลดลง ต้องทำงาน มีเวลาดูแลผู้เรียนน้อย
4. งบประมาณสนับสนุนไม่เพียงพอ
ภายใน(จุดแข็ง )
1. สามารถให้บริการหลากหลาย ตามศักยภาพของผู้เรียน
2. โรงเรียนตั้งอยู่ในวัด ผู้บริหารและครูส่วนหนึ่งเป็นบรรพชิต ให้การแนะนำอบรมด้านคุณธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. มีแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียน ( โบราณสถานและนักท่องเที่ยว )
4. สามารถรับภาระและพัฒนาผู้เรียนกลุ่มศักยภาพจำกัดสู่มาตรฐาน(ปั้นดินเป็นดาว)
5. ผู้บริหารและครูใส่ใจและติดตามผู้เรียนอย่างจริงจัง
6. ผู้บริหารและครู ร้อยละ 40 เป็นศิษย์เก่า มีความรักและผูกพันกับสถาบัน
ภายนอก(โอกาส )
1. นักเรียนได้รับการอุดหนุนรายหัวการศึกษาขั้นพื้นฐาน
2. รัฐบาลให้งบสนับสนุนด้านอาคารเรียนและสื่ออุปกรณ์
3. มีทุนการศึกษาและทุนอาหารกลางวันให้แก่นักเรียนที่ขาดแคลน
4. มีเทคโนโลยีและสื่อการสอนมากขึ้น
5. มีมูลนิธิโรงเรียนและบุคคลภายนอกสนับสนุนทุนการศึกษา
6. มีเทคโนโลยีพื้นบ้านและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่จะให้ความรู้แก่ผู้เรียน
7. กลุ่มโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาได้รวมตัวกันพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากการวิเคราะห์สถานการณ์บนพันธกิจที่ 1 พัฒนาและสนับสนุนผู้เรียนทั้งโดยตรง และโดยอ้อมให้มีคุณธรรมและความรู้ด้านวิชาการ ทำให้กำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาและดำเนินงานตามพันธกิจได้ ดังนี้
1. ยุทธศาสตร์พัฒนาบริการการศึกษา : เร่งส่งเสริมและปลูกฝังให้ผู้เรียนมีความเป็นผู้นำ มีคุณธรรม มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีการปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษาโดยมีการเน้นทักษะการใช้ภาษาที่สองคือ ภาษา อังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน เพื่อให้ผู้เรียนใช้ประกอบอาชีพและการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมทั้งวิชาในกลุ่มสาระโดยเน้นการใช้เทคโนโลยีสื่อการสอนในการเรียนรู้ และเสริมสร้างประสิทธิภาพการพัฒนาผู้เรียนที่มีศักยภาพจำกัดสู่มาตรฐานของประเทศและเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
2. ยุทธศาสตร์ระดมทรัพยากร : เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านทุนการศึกษา เพื่อเอื้อต่อการจัดการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ ให้มีการระดมทุนการศึกษาจากประชาชนผู้เลื่อมใสศรัทธา ศิษย์เก่าและประชาชนทั่วไป รวมทั้งนำเทคโนโลยีพื้นบ้านและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ ทั้งนี้โรงเรียนต้องแสดงบทบาทและร่วมมือกับชุมชนในการพัฒนาท้องถิ่น
พันธกิจที่ 2 พัฒนาการบริหารจัดการด้านบุคลากรและสถานศึกษาให้มีคุณภาพอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
การพัฒนาการบริหารจัดการด้านบุคลากรและสถานศึกษาให้มีคุณภาพอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องนั้น มีปัจจัยที่เอื้อต่อการบริหารจัดการสถานศึกษาให้มีคุณภาพหลายประการ กล่าวคือ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 เปิดโอกาสให้เอกชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาได้ทุกระดับทุกประเภท โดยรัฐให้การสนับสนุนด้านเงินอุดหนุนรายหัวและสื่ออุปกรณ์ตลอดจนถึงอาคารเรียน มีระบบประกันคุณภาพ มีองค์กรวิชาชีพครู การบริหารจัดการสถานศึกษาเอกชนจะมีอิสระและความคล่องตัว นอกจากนั้นครูเอาใจใส่และรับผิดชอบในการจัดการเรียนการสอนและให้ความร่วมมือด้านบริหาร สถานศึกษาสามารถปรับเปลี่ยนและนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการบริหารได้รวดเร็วแต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินการเพื่อพัฒนาการบิหารจัดการด้านบุคลากรและสถานศึกษาให้มีคุณภาพอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องของโรงเรียนธรรมราชศึกษานั้น มีข้อจำกัดในการดำเนินการหลายประการ กล่าวคือ ผู้บริหารของโรงเรียนยังไม่เป็นผู้บริหารมืออาชีพ มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารทำให้การบริหารไม่มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ ครูบางส่วนยังมีความต้องการความมั่นคงในวิชาชีพสอบรับราชการ จึงมีการเปลี่ยนครูบ่อย ทำให้การพัฒนาครูไม่ต่อเนื่องและในการจัดการเรียนการสอนยังไม่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ขาดงบประมาณในด้านพัฒนาบุคลากรและสื่ออุปกรณ์ ห้องปฏิบัติการมีจำนวนไม่เพียงพอ ขาดข้อมูลสารสนเทศที่ช่วยในการบริหารและตัดสินใจ นอกจากนั้น ในการบริหารสถานศึกษาโรงเรียนธรรมราชศึกษามีค่าใช้จ่ายสูงในเรื่องค่าบริการสาธารณสุขและบริการเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ต้นทุนในการจัดการศึกษาสูง
ในการเสริมสร้างศักยภาพของโรงเรียนธรรมราชศึกษาให้สามารถดำเนินงานตามพันธกิจได้ จึงได้วิเคราะห์สถานการณ์เพื่อหาโอกาส อุปสรรค และจุดอ่อน จุดแข็งขององค์กร ตามพันธกิจเพื่อดำหนดยุทธศาสตร์สำหรับพัฒนาและดำเนินงาน ดังนี้
แผนภูมิที่ 2 การวิเคราะห์สถานการณ์บนพันธกิจที่ 2 พัฒนาการบริหารจัดการด้านบุคลากรและสถานศึกษาให้มีคุณภาพอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
SWOT
ภายใน (จุดอ่อน )
1. ยังขาดการวางแผนและติดตามพัฒนาอย่างเป็นระบบ
2. ต้องพัฒนาผู้บริหารให้เป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น
3. ครูบางส่วนยังไม่พอใจในความมั่นคงวิชาชีพ ทำให้มีการเปลี่ยนครูบ่อย
4. ครูขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
5. การเรียนการสอนเน้นต้องเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมากยิ่งขึ้น
6. งบประมาณของโรงเรียนยังไม่เพียงพอ
7. บริเวณโรงเรียนมีเนื้อที่ไม่ชัดเจน ขาดพื้นที่ให้นักเรียนลงมือปฏิบัติตามสภาพจริง
8. ห้องปฏิบัติการไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้เรียน
9. ขาดสื่อ อุปกรณ์ที่ทันสมัยเป็นจำนวนมาก
ภายนอก (อุปสรรค )
1. การอุดหนุนค่าใช้จ่ายของผู้เรียนรายบุคคลไม่สะท้อนค่าใช้จ่ายที่เป็นจริง
2. ผู้ปกครองมีรายได้น้อย นักเรียนมีฐานะยากจน และบางส่วนมีปัญหาทางพฤติกรรม
3. โรงเรียนไม่สามารถเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ได้
4. นักเรียนบางส่วนมาจากต่างอำเภอ ต่างจังหวัด เช่าที่พักไม่มีผู้ปกครองดูแล
5. ต้นทุนค่าบริการสาธารณสุข สาธารณูปโภคและค่าบริการ ICT สูง
6. ขาดผู้ประสานงานด้านระดมทุนการศึกษา
ภายนอก (โอกาส )
1. รัฐให้การอุดหนุนเงินรายหัวนักเรียนและสื่อ-อาคารเรียน
2. ได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนจากทางวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
3. ศรัทธาประชาชน ศิษย์เก่าให้การสนับสนุนด้านทุนการศึกษาและอื่น ๆ
4. มีระบบประกันคุณภาพ
5. มีองค์กรที่แรกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านบริหารและวิชาการ คือ สมาคมโรงเรียนเอกชนจังหวัดเชียงใหม่และกลุ่มโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา
ภายใน(จุดแข็ง )
1. โรงเรียนตั้งอยู่ในวัดสำคัญทั้งโบราณสถานและประวัติศาสตร์
2. นักเรียนมีแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ และการท่องเที่ยว
3. นักเรียนมีโอกาสใกล้ชิดพระพุทธศาสนาทั้งการปฏิบัติและสถานที่
4. ครูเอาใจใส่ รับผิดชอบและให้ความร่วมมือด้านบริหาร
จากการวิเคราะห์สถานการณ์บนพันธกิจที่ 2 พัฒนาการบริหารจัดการด้านบุคลากรและสถานศึกษาให้มีคุณภาพอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ทำให้กำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาและดำเนินงานตามพันธกิจได้ดังนี้
1. ยุทธศาสตร์พัฒนาคุณภาพบุคลากร : เร่งพัฒนาผู้บริหารให้สู่ระดับมืออาชีพ บริหารด้วยหลักนิติธรรม คุณธรรม ความโปร่งใส ความมีส่วนร่วม ความรับผิดชอบ ความคุ้มค่า และพัฒนาครูสู่มาตรฐานวิชาชีพ มีจรรยาบรรณในวิชาชีพและเป็นบุคคลมีคุณธรรม เป็นตัวอย่างแก่ผู้เรียนได้ รวมทั้งเสริมขวัญและกำลังใจ
2. ยุทธศาสตร์เสริมสร้างการมีส่วนร่วม : เร่งจัดตั้งชมรมครูผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนธรรมราชศึกษา เชิญผู้ทรงคุณวุฒิ ครูภูมิปัญญาท้องถิ่น องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น และศิษย์เก่ามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา โรงเรียนมุ่งพัฒนาเป็นศูนย์กลางบริการชุมชนและเป็นผู้นำชุมชน ส่งเสริมการอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นให้ปรากฏ
3. ยุทธศาสตร์พัฒนาจุดเด่นของโรงเรียน : เร่งพัฒนาโรงเรียนธรรมราชศึกษาเป็นสถาน ศึกษาเข้าสู่ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในและได้รับการประกันคุณภาพภายนอก เป็นสถานศึกษาส่งเสริมวิถีพุทธดีเด่น เป็นสถานศึกษาส่งเสริมด้านสุขภาพดีเด่น เป็นสถานศึกษาส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นดีเด่น และเป็นสถานศึกษาส่งเสริมการเรียนภาษาที่สองดีเด่น
เพื่อให้โรงเรียนมีแนวทางการจัดการศึกษาตามพันธกิจและยุทธศาสตร์ดังกล่าวแล้วข้างต้น จึงได้กำหนดแผนงานไว้ แผนงานเพื่อการพัฒนาสำหรับเป็นกรอบในการดำเนินงานจัดการทำรายละเอียดของแผนงาน/โครงการ ดังนี้
พันธกิจที่ 1 พัฒนาและสนับสนุนผู้เรียนทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ให้มีคุณธรรมและความรู้ด้านวิชาการ
ยุทธศาสตร์พัฒนาบริการการศึกษา :
1. แผนงานส่งเสริมการบริการทางการศึกษา
2. แผนเสริมสร้างประสิทธิภาพการพัฒนาผู้เรียนที่มีศักยภาพจำกัดสู่มาตรฐาน
ยุทธศาสตร์ระดมทรัพยากร :
1. แผนงานระดมทุนสนับสนุนการศึกษา
2. แผนงานประสานความร่วมมือนำเทคโนโลยีพื้นบ้าน และภูมิปัญญาท้องถิ่น
มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการศึกษา
พันธกิจที่ 2 พัฒนาการบริหารจัดการด้านบุคลากรและสถานศึกษาให้มีคุณภาพอย่างเป็น
ระบบและต่อเนื่อง
ยุทธศาสตร์พัฒนาคุณภาพบุคลากร :
1. แผนงานพัฒนาระบบบริหารงานและจัดการสถานศึกษา
ยุทธศาสตร์เสริมสร้างการมีส่วนร่วม
1. แผนเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ศิษย์เก่าและชุมชน
ยุทธศาสตร์พัฒนาจุดเด่นของโรงเรียน
1. แผนพัฒนาระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายในและการประกันคุณภาพ
ภายนอก
2. แผนพัฒนาโรงเรียนวิถีพุทธดีเด่น
3. แผนพัฒนาโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพดีเด่น
4. แผนพัฒนาโรงเรียนส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นดีเด่น
5. แผนพัฒนาโรงเรียนส่งเสริมการเรียนภาษาที่สองดีเด่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น